พระครูสิทธิมังคโรวาสกล่าวอีกว่า
ตอนแรกเข้าใจว่าพระขวัญ ซึ่งเป็นพระนิสิต มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย วิทยาเขตหนองคายชั้นปีที่ 3 คณะ ครุศาสตร์ คงจะอ่านหนังสือมากจนเพลียทำให้สติคิดไปเอง เลยบอกให้ไปนอนพักผ่อน พระขวัญจึงเดินกลับไปกุฏิตามเดิม จากนั้นราว 30 นาที มีพระลูกวัดรูปหนึ่งวิ่งมาบอกว่า พระขวัญมีอาการคล้ายผีสิง รีบวิ่งไปดูพร้อมให้ไป ตามชาวบ้านมาช่วยเหลือ พบพระขวัญนอนเลื้อยไปเลื้อยมาเหมือนพญานาคและกินดอกไม้ธูปเทียนที่ชาวบ้านนำมาถวายพระ ปากพร่ำว่าเป็นพระเจ้าศรีสุทธโธ เป็นพญานาคอยู่ในแม่น้ำโขง ไม่ได้มาทำร้ายใครเพียงแต่ต้องการแสดงบารมีให้เห็นเท่านั้น
เจ้าอาวาสวัดพานพร้าวกล่าวต่อว่า
จากนั้นพระขวัญได้วิ่งลงไปลานวัดใช้มือขุดดินลึกเกือบ 30 ซม. จนเวลาผ่านไปเกือบ 2 ชม.พระขวัญก็หมดสติไป ตนเลยตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าเป็นพญานาคจริง ขอให้แสดงปาฏิหาริย์ โดยทิ้งร่องรอยไว้ให้ดูด้วย พอรุ่งเช้าทุกคนถึงกับตะลึง เมื่อพบว่ามีรอยคล้ายสัตว์เลื้อยคลานโผล่รอบกุฏิของพระ ขวัญ พอชาวบ้านทราบข่าวเลยแห่มากราบไหว้ไม่ขาดสาย
ด้านพระขวัญกล่าวว่า
ปกติจำพรรษาที่วัดป่าแก้วเจริญธรรม อ.วานรนิวาส จ.สกลนคร เพิ่งมาจำพรรษาที่วัด พานพร้าวได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ตอนหัวค่ำวันที่ 18 มิ.ย. ขณะนั่งอธิษฐานขอพรพญานาคเรื่องการเรียน เพราะปกติ จะฝันเห็นพญานาคเป็นประจำ ขณะอธิษฐานนั้นปรากฏว่ามีสัตว์ลักษณะคล้ายงูยักษ์เลื้อยขึ้นมาพันรอบขา พยายาม สลัดแต่ไม่หลุด จนต้องพยายามหลายครั้งจนหลุดและวิ่งไปบอกเจ้าอาวาสแต่ท่านกลับบอกให้ไปนอนพักผ่อน พอกลับมากุฏิตนก็หมดสติไปจนถึงเช้าของวันใหม่ถึงมารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองทั้งหมด “อาตมาเชื่อว่าพญานาค ท่านคงมาแสดงบารมีให้ทุกคนได้เห็นเท่านั้น” พระขวัญกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า
สำหรับวัดพานพร้าวเป็นวัดเก่าแก่อายุร่วม 100 ปี ตั้งอยู่ตรงข้ามกับบ้านหาดดอนจัน ของประเทศลาว จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชาวบ้านหลายคนเชื่อว่าเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ของพญานาคจริง แต่บางคนไม่เชื่อ เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นคล้ายกับโรคอุปาทานหรือการคิดไปเองของพระลูกวัด ส่วนรอยที่ปรากฏตามกุฏิของพระขวัญยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเป็นรอยอะไรกันแน่ |