พระเอกนักบู๊ "จา-พนม" ควงทนายโร่พบ "พล.ต.อ.จงรัก"ข อความคุ้มครอง ระบุมีเบอร์โทร. แปลกๆ เข้ามาหา ทั้งถูกชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารีขับรถติดตาม รองผบ.ตร.รับ กว่าชั่วโมงจนได้ข้อยุติ "เสี่ยเจียง" ระบุจะให้ถ่ายหนังจนจบ ส่วนเงินบริษัทฯจะจัดการเองทั้งหมด ส่วนข้อเสนอ 7 ข้อของ "จา" จะคุยกันอีกครั้งหลังทำหนังเสร็จ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 4 ส.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจ พระเอกบู๊คนดัง "จา" พนม ยีรัมย์ จากภาพ ยนตร์ "องค์บาก" และ "ต้มยำกุ้ง" พร้อมด้วยนายจารุพล เรืองเกตุ ทนายความส่วนตัว เข้าพบ พล.ต.อ. จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ
เพื่อปรึกษาหาข้อยุติเรื่องราวบานปลายเกี่ยวกับการทำหนังเรื่อง "องค์บาก 2" พร้อมทั้งขอความคุ้มครองจากเจ้าหน้าที่ตำรวจหลังจากที่มีเบอร์โทรศัพท์สาย แปลกโทร.เข้ามาหลายสาย และถูกชายฉกรรจ์ในชุดซาฟารีขับรถติดตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพูดคุย นายจารุพลทนายความของ "จา-พนม" บอกเล่ารายละเอียดเบื้องต้นและเหตุที่จาหายตัวไปหลายวันจนเป็นข่าวใหญ่ให้ พล.ต.อ.จงรัก ฟังพร้อมบอกเล่าถึงการยื่นข้อเสนอ 7 ข้อถึง "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด
แต่ทางเสี่ยเจียงยังไม่รับข้อเสนอเพราะต้องการเจอตัว "จา-พนม" แบบตัวต่อตัว แต่ทาง "จา-พนม" ยังกลัวเพราะที่ผ่านมามีเรื่องติดค้างอยู่ในใจ และรู้มาว่าเสี่ยเจียงจะจัดแถลงข่าวในวันเดียวกันนี้ เลยมาขอให้ พล.ต.อ.จงรัก ช่วยเป็นคนกลางในการพูดคุยเจรจา
"จา-พนม" เปิดเผยถึงการมาพบ พล.ต.อ.จงรัก ว่าจะปรึกษาหาข้อยุติและขอความคุ้มครองเพื่อความปลอดภัยเพื่อป้องกันตัวเอง ไว้ก่อน จากงานที่ทำ ทำให้มีชื่อเสียงกลายเป็นดาบสองคม มีเรื่องเดือดร้อนมาถึงครอบครัว
นอกจากตัวเองคนสนิทที่คุยด้วยในตอนนี้คือทนายความ เป็นเพราะต้องการคำปรึกษา หลังจากที่ทำงานแล้วมีปัญหา พ่อแม่ช่วยให้กำลังใจได้ส่วนหนึ่ง แต่ในเรื่องของธุรกิจ เรื่องกฎหมายจำเป็นต้องปรึกษาทนายความ
ด้านพล.ต.อ.จงรัก กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องสัญญาระหว่าง "จา-พนม" กับทาง "เสี่ยเจียง" เป็นเรื่องทางแพ่ง ตำรวจไม่มีอำนาจไปว่ากล่าว เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายต้องตกลงกันเอง
เรื่องที่ตำรวจจะช่วยดูแลคือไม่ให้เกิดการใช้วิธีการรุนแรงระหว่างกัน หมายความว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะมาใช้วิธีการนอกกฎหมาย อย่างข่มขู่ ทำร้าย หรืออุ้มกันไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจให้การดูแล
นายจารุพล ทนายของพระเอกดังกล่าวว่า เมื่อช่วงเที่ยงกว่าๆ ทางทนายความของเสี่ยเจียงโทร.มาบอกว่าเสี่ยอยากพบจา อยากให้มานั่งคุยกันให้จบ เพื่อที่จะได้แถลงข่าวต่อสื่อ ซึ่งทางจาและทนายความอยากที่จะเชิญเสี่ยเจียงมาร่วมพูดคุยกันที่สำนักงานรอง ผบ.ตร ต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก
ด้านพล.ต.อ.จงรัก บอกว่า ยินดีที่จะเป็นคนกลางรับฟังเพื่อให้เรื่องดีขึ้น แต่ถ้าตกลงกันไม่ได้ตำรวจก็ไม่สามารถที่จะไปบังคับขู่เข็นใครได้ เพราะเป็นเรื่องสัญญาทางแพ่ง แต่ในเรื่องความปลอดภัยตำรวจพร้อมดูแลให้
จาก นั้นนายจารุพล ทนายความของ "จา-พนม" โทรศัพท์ติดต่อไปยังทนายความของ "เสี่ยเจียง" เพื่อเชิญมาร่วมพูดคุย ซึ่งทางเสี่ยเจียงรับคำที่จะเดินทางมาสมทบที่สำนักงานรอง ผบ.ตร.ในช่วงเวลา 15.00 น.
ต่อมาเวลา 15.35 น. "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ผู้บริหารบริษัท สหมงคลฟิล์ม จำกัด พร้อมด้วย "หนึ่ง" อัครพล เตชะรัตนประเสริฐ บุตรชาย และนายมนตรี อมรโรจน์วรวุฒิ ทนายความ
เดินทางมายังสำนักงานรอง ผบ.ตร. เพื่อเจรจากับ "จา-พนม" ต่อหน้า พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ โดยเสี่ยเจียงพร้อมเปิดเผยการเจรจาต่อหน้าสื่อมวลชน แต่ทางด้าน "จา-พนม" ขอเป็นการเจรจาเฉพาะกลุ่ม โดยมีพล.ต.อ.จงรัก เป็นคนกลางร่วมรับฟัง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเจรจาในครั้งนี้ ใช้เวลาร่วมชั่วโมง ก่อนที่ทั้ง "จา-พนม" และ "เสี่ยเจียง" พร้อมด้วย พล.ต.อ.จงรัก จะออกมาเปิดเผยต่อสื่อมวลชนที่มารอทำข่าวเป็นจำนวนมากในเวลา 16.40 น.
เสี่ยเจียง เปิดเผยว่า "คุยกันเรียบร้อย ข้อตกลงแค่เอาจาไปถ่ายหนัง ไปทำหนังให้จบก่อน เพราะมีคนตั้งหน้าตั้งตารอดูหนังเรื่องนี้ เมืองนอกก็รอสัญญาหนังเรื่องนี้อยู่ รอให้จบหนังเรื่องนี้แล้วค่อยมาคุยกันต่อว่าจะเอายังไงต่อไป จะทำหนังเรื่องใหม่หรือไม่ทำ เอาไว้คุยกันต่อหน้าท่านจงรักแบบแฟร์ๆ"
ขณะ ที่ "จา-พนม" กล่าวว่า "จากการพูดคุยในวันนี้ทำให้สบายใจขึ้นในทุกๆ เรื่อง การพูดคุยเป็นไปด้วยดี จากนี้ผมจะกลับไปถ่ายหนังอีก 20% ให้จบ เริ่มถ่ายเมื่อไหร่รอให้ผมไปคุยกับพี่พันนา (ฤทธิไกร) ก่อน เรื่องกำหนดปิดกล้องผมยังให้คำตอบไม่ได้"
ต่อข้อถามเรื่องเงินหลัง จากที่ "จา-พนม" กลับไปทำหนัง ใครจะเป็นคนคุม เสี่ยเจียงเผยว่า "ทางสหมงคลฯ เป็นคนควบคุมเงินทั้งหมดของบริษัท เงินจะไม่ผ่านจาแล้ว บริษัทจะรับผิดชอบทั้งหมดไม่ให้เสียหาย"
ผู้สื่อข่าวถามว่าถ่ายหนัง ที่เหลือ 20% ใช้เงินเท่าไหร่ เสี่ยเจียง กล่าวว่า ไม่รู้ เท่าไหร่ก็ต้องใช้แล้ว เพราะหนังจะจบอยู่แล้ว จะปล่อยหนังแบบไม่จบไม่ได้ เพราะบริษัทเราไม่เคยสร้างหนังไม่จบ หนังจะถ่ายเสร็จเดือนไหนแล้วแต่พันนากับจาเขา
ด้านค่าตอบแทนนักแสดงของจา ก็แล้วแต่เขาจะเบิก รอให้เขาเบิกค่าใช้จ่ายมา มีความจำเป็นแค่ไหนก็ให้เขาเบิกมา บริษัทจะไม่ส่งเงินให้พ่อเขา ไม่ส่งเงินค่าบ้านหรือค่าอะไรอีกแล้ว นอกจากเขาเดินเข้ามาเบิกเอง มาเอาเงินสดไป ให้เขาเอาไปจ่ายเอง แล้วเขาจะรู้ว่าเงินผ่านมือเขาไปเท่าไหร่
ต่อข้อถามที่ว่า ก่อนหน้าทำไมไม่เจรจาให้จบๆ เสี่ยเจียง กล่าวว่า เขาไม่อยากคุย แล้วจะคุยยังไง วันนี้เป็นวันแรกจากที่หลายเดือนไม่ได้เจอกัน เรื่องที่คุยกันในวันนี้กับจาก็แค่บอกให้เขาไปทำหนังเถอะ เหลือถ่ายอีกนิดเดียว ทำให้จบ วันนี้สั่งแล้วว่าให้พันนามาร่วมกำกับ ส่วนปรัชญา ปิ่นแก้ว เป็นโปรดิวเซอร์อย่างที่ตกลงกันไว้ครั้งแรก
ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า มีการคุยถึงเรื่องข้อเสนอของทนาย "จา-พนม" ที่ยื่นไว้ 7 ข้อหรือเปล่า เสี่ยเจียง กล่าวว่า "ไม่มี 7 ข้อนั้นฉีกทิ้ง ส่วนสัญญาการเป็นนักแสดงกับทางบริษัทของจาก็ยังคงอยู่ สัญญาต้องเป็นสัญญา แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะตกลงกันยังไง ต่อไปเขาจะทำหนังเรื่องต่อไปก็ได้ หรือไม่ทำก็ได้ บริษัทจะจ่ายเงิน 5 หมื่นบาทตามสัญญาให้ทุกเดือน"
ผู้ สื่อข่าวสอบถาม พล.ต.อ.จงรัก ถึงประเด็นที่จาและทนายความมาหารือเรื่องที่ถูกคุกคาม ความไม่ปลอดภัย พล.ต.อ.จงรัก เผยว่า "อาจจะเป็นความเข้าใจผิด เพราะทางฝ่ายเสี่ยเจียงก็ยืนยันว่าไม่ได้คิดจะทำอะไร เพราะสร้างหนังกันมาตั้ง 3 เรื่อง หรืออาจจะมีมือที่ 3 ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายตกลงกันได้แล้ว ก็จะทำให้งานเดินหน้าต่อไป คิดว่าไม่น่ามีปัญหา"
จากนั้นผู้สื่อข่าวสอบถามนายจารุพลถึงความพึง พอใจในการเจรจามากน้อยแค่ไหน ทนายจากล่าวว่า "การเจรจา ผมไม่ได้ตกลงเอง ปล่อยให้จาเขาคุยกันในหลักการ ในวันนี้ข้อตกลง 7 ข้อ เราจะยังไม่คุยกัน ขอให้ทำหนังให้จบ รอให้จบแล้วค่อยกลับมาคุยกันอีกทีต่อหน้าท่านจงรัก"
เมื่อ ถามถึงเรื่องข้อตกลงที่ยื่นไว้ 7 ข้อ ทนายความจา เปิดเผยว่า คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ได้ทั้ง 7 ข้อ เสี่ยเองก็พูดว่าคงไม่ได้ทั้งหมด แต่ก็ลงมาได้ 3 ข้อคือ เลือกโปรดิวเซอร์เอง เรื่องระยะเวลาให้ไปคุยกับอาจารย์พันนา และในส่วนของค่าใช้จ่ายส่วนตัวเสี่ยจะจ่ายทั้งหมดผ่านจา ตอนแรกจาเองคิดว่าเสี่ยซื้อบ้านให้ แต่สุดท้ายเป็นการมาหักเงินของเขา
ต่อมาเวลา 17.45 น. "เสี่ยเจียง" สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ ประธานบริษัทสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด พร้อมด้วยนายอัครพล เตชะรัตนประเสริฐ บุตรชาย ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาธุรกิจของบริษัท, นายสนชัย เอกวณิชสกุลพร ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน,
นายปรัชญา ปิ่นแก้ว, นายพันนา ฤทธิไกร และนายมนตรี อมรโรจน์วรวุฒิ ที่ปรึกษาฝ่ายกฎหมายของบริษัท ออกมาแถลงข่าวที่โรงหนังเฮ้าส์ อาร์ซีเอ เพื่อชี้แจงถึงการพูดคุยกับ "จา-พนม" อีกครั้งหลังจากมีการเปิดเผยรายละเอียดไปแล้วในเบื้องต้น
"เสี่ย เจียง" สมศักดิ์ เปิดเผยว่า เมื่อสักครู่เจอกับท่านจงรัก ที่กรมตำรวจ เพราะทางจากับทนายความของเขาไปหาท่านจงรักที่กรมตำรวจ ทางคุณจงรักโทรศัพท์มาเรียกตนกับทนายให้ไปคุยกันและตกลงกันเรียบร้อยแล้ว
" จาได้กลับมาถ่ายหนังอย่างเก่า ปัญหาต่างๆ ที่เรียกร้องมาในสัญญาใหม่ก็ฉีกทิ้งหมด ที่ผ่านมาผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่วันนี้เราเข้าใจกันแล้วและให้อภัยกันและทำหนังให้จบแล้วกัน ผมสั่งพันนากับปรัชญาให้เริ่มทำงานหนังอีกครั้งวันจันทร์ที่ 11 ส.ค. นี้
ถ่ายให้จบเพื่อไม่ให้กระเทือนกับสัญญาทางต่างประเทศ หนังอาจจะเสร็จสิ้นเดือนส.ค.หรือไม่ก็ต้นเดือนก.ย. จากลับมาทำงานอีกครั้งจะอยู่ในตำแหน่งของผู้กำกับฯ ร่วมกันกับพันนา"
เมื่อ ถามว่า จากลับมาแล้ว เสี่ยเจียงจะให้อภัยหรือเปล่า เสี่ยเจียงเผยว่า ตรงนี้ไม่มีอะไรแล้ว ลูกทำผิดไปแล้วก็ต้องให้อภัยเขา อบรมให้เขาดีขึ้น ต่อไปอย่าไปอย่างนี้อีก คนเราผิดได้แต่ผิดแล้วก็ต้องรู้จักแก้ตัวให้ดี ตนเชื่อว่าครั้งนี้จะทำให้จาดีขึ้น สำหรับงานหนังเรื่องใหม่ของจามีแน่ แต่มีเมื่อไหร่ตรงนี้ตนไม่กล้าบอก
"ตอนนี้จายังเป็นนักแสดงในสังกัด สหมงคลฟิล์ม เขาเซ็นกับเราถึง 10 ปี และตอนนี้สัญญาของเขาก็เหลืออีก 5 ปี ที่เขาบอกว่าจะไม่แสดงอีกตรงนี้มันคงยากเพราะคำว่าสัญญาต้องเป็นสัญญา กฎหมายเป็นกฎหมาย คุณใหญ่โตขนาดไหนก็ติดคุกได้"
ขอบคุณเนื้อหาข่าวจาก