• "สาว"ต้นคิดดีแต่พูด โต้มาร์ค มั่วว่าเป็นแผนเสื้อแดง |
โพสต์โดย ตนข่าว , วันที่ 21 มิ.ย. 54 เวลา 09:37:15 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
มั่วว่าเป็นแผนเสื้อแดง แท้จริงปมถูกเลิกจ้าง ทั้งรมต.อมจักรเย็บผ้า นปช.นัดไหว้พระพรหม ดักหน้าปชป.ปราศรัย
ต้นตำรับ - น.ส.จิตรา คชเดช อดีตประธานสหภาพไทรอัมพ์ คนแรกที่ ชูป้าย "ดีแต่พูด" ออก โรงตอบโต้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ กล่าวหาที่มาการชูป้ายว่าเป็นแผนเสื้อแดง
|
สาว ไทรอัมพ์เจ้า ของป้าย"ดีแต่พูด"คนแรก เขียนจดหมายเปิดผนึกโต้เฟซบุ๊ก มาร์ค ย้ำอภิสิทธิ์ดีแต่พูด แถมโทษคนอื่นอีกต่างหากพร้อมยกตัวอย่างที่เคยพูดไว้ 16 ประเด็นมา สวนกลับ "เทือก-มาร์ค"ประสานเสียงย้ำวันที่ 23 มิ.ย.เปิดเวทีราชประสงค์ชี้แจง โต้เปล่าเติมเชื้อไฟแต่เป็นการดับไฟ ปัดวุ่นไม่ใช่ไม้ตายเรียกคะแนนช่วงโค้งสุดท้าย ด้านเสื้อแดงนัดวันที่ 22 มิ.ย.ไหว้พระพรหมแยกราชประสงค์สาปแช่งคนสั่งฆ่าประชาชน
มาร์คฉุน-แต่งผีฟังปชป.ปราศรัย
เวลา 11.40 น. วันที่ 20 มิ.ย. ที่โรงเรมโฟร์ซีซั่น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกลุ่มคนเสื้อแดงจะแต่งชุดผีมาฟังการปราศรัยของพรรคประชา ธิปัตย์ในวันที่ 23 มิ.ย.ที่ราชประสงค์ อาจยิ่งเพิ่มความขัดแย้งมากขึ้นว่า นี่คือสิ่งที่อยากชี้ให้เห็นว่าจริงๆ แล้วใครพยายามทำให้มีความขัดแย้งหรือแบ่งแยกมากขึ้น หลายกลุ่มหลายฝ่ายมีโอกาสพูดในสิ่งที่ตัวเองเชื่อ สิ่งที่คิดมาตลอด แต่ทำไมเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ หรือคนของรัฐบาลพยายามพูด จะต้องมาขัดขวาง นี่คือสิ่งที่ตนอยากถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น ทำไมคนอื่นถึงไม่มีสิทธิเสรีภาพในการแสดงออก ทำไมประชาชนไม่มีสิทธิได้รู้ข้อความ รู้ข้อมูลจากฝ่ายอื่นบ้างนอกจากฝ่ายตนเอง
ต่อข้อถามว่าการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ไม่ห้ามปรามคิดว่าคนเสื้อแดงจะยิ่งฮึกเหิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าจะมีผลอย่างไรหรือไม่ แต่อย่างน้อยน่าจะแสดงจุดยืนได้แล้วว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการกระทำแบบนี้ เหมือนตนพูดบนเวทีปราศรัยทุกเวทีว่า คนของประชาธิปัตย์ต้องไม่ไปกวนการหาเสียงของพรรคอื่น ความจริงการขัดขวางการหาเสียงของพรรคการเมืองน่าจะผิดกฎหมายเลือกตั้งด้วย เพื่อสปิริตที่ดีตนยังไม่อยากใช้มาตรการของกฎหมาย แต่เรียกร้องว่าพรรคเพื่อไทยและน.ส.ยิ่งลักษณ์ เมื่ออาสาตัวเป็นผู้นำจะแสดงจุดยืนเรื่องนี้ได้หรือไม่ เมื่อถามว่าเป็นเพราะต้องรอคำสั่งจากต่างประเทศอยู่หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ต้องถามน.ส.ยิ่งลักษณ์
โวย-เปล่าขุด"เผาบ้านเผาเมือง"
ผู้ สื่อข่าวถามว่าการขัดขวางการหาเสียง จนเกิดการปะทะกันระหว่างผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทย เพราะที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์ออกมาโจมตีเรื่องเผาบ้านเผาเมือง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า "ไม่มี ไม่ใช่ ตั้งแต่วันแรกก็ใช้วิธีการมาชูป้ายมาตะโกนต่างๆ ที่จริงเพื่อยึดพื้นที่สื่อเป็นหลัก จะเห็นว่าสื่อแต่ละวันถ้าเป็นการหาเสียงของพรรคเพื่อไทยสามารถเสนอสิ่งที่ พรรคเพื่อไทยอยากให้เสนอได้ตลอดเวลา แต่พอเป็นพรรคประชาธิปัตย์ และมีกระบวนการมาทำอย่างนี้ ข่าวของพรรคประชาธิปัตย์ต้องไปปนกับเรื่องนี้มาตลอด ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับพรรคเลย เป็นกระบวนการทำมาต่อเนื่องอย่างชัดเจนอยู่แล้ว และวันที่ 19 มิ.ย.เราแค่ไปเดินเยี่ยมประชาชนในตลาดเท่านั้น และตนต้องตัดสินใจไม่เข้าไป เพราะเกรงจะมีการปะทะที่รุนแรงกว่านี้
เมื่อ ถามว่ากลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ในพื้นที่อื่นอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนต้องเดินหน้าต่อไป เพราะเป็นหน้าที่ เพียงแต่เรียกร้องสปิริตของนักการเมืองฝ่ายอื่นว่าจะทำการเมืองแบบไหน และต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ถ้าเราคิดว่าวิธีนี้ถูกต้องวันข้างหน้าต่อไปถ้าทุกคนทำบ้านเมืองจะยิ่ง วุ่นวาย จึงต้องพูดให้ชัดว่าสังคมจะเดินแบบไหน จะเดินไปโดยเคารพสิทธิของทุกฝ่ายหรือจะมีคนกลุ่มหนึ่งมีสิทธิดีกว่ากลุ่ม อื่นได้
ปัดวุ่น-อ้างไม่ใช่ไม้ตายปชป.
ต่อข้อถามว่าหาก พรรคประชาธิปัตย์จับประเด็นเรื่องการชุมนุมตรงนี้จะเป็นดาบสองคมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ เป็นเรื่องที่เราต้องให้ความจริงกับประชาชน และมีผลสำคัญ ขณะนี้ประเด็นที่จะอ้างเรื่องปรองดอง แต่สุดท้ายไปจบลงที่การนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือเรื่องเงิน 4.6 หมื่นล้านบาท ที่พ.ต.ท. ทักษิณแสดงชัดเจนว่าต้องการ และต้องนำมาจากภาษีของประชาชน ตรงนี้จึงตกอยู่กับประชาชน ขณะเดียวกันที่ตนย้ำวันนี้สังคมจำเป็นต้องดูว่าจะเลือกให้เดินแบบไหน ถ้าเรายอมรับการกระทำในลักษณะที่เสี่ยงต่อการเผชิญหน้าต่อความรุนแรงตลอด เวลา ผลกระทบจะมาถึงประชาชนในเรื่องเศรษฐกิจ เรื่องความเป็นอยู่และเรื่องอื่นๆ ด้วย
เมื่อถามว่าการปราศรัยในวัน ที่ 23 มิ.ย.ที่แยกราชประสงค์ถือเป็นไม้ตายในช่วงโค้งสุดท้ายหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีไม้ตายอะไร ในวันที่ 23 มิ.ย.นี้พรรคจะไปปราศรัยตามปกติ ไปบอกคนไทยว่าพื้นที่ราชประสงค์เป็นของประเทศไทยของคนทุกกลุ่มทุกสี ไม่มีใครมีสิทธิ์มาผูกพัน และตนได้กำชับทีมงานว่าจะไม่ทำความเดือดร้อนให้ประชาชน ซึ่งการปราศรัยจะเป็นบริเวณเซ็นทรัลเวิลด์ และจะไม่ให้กระทบต่อการจราจร
โต้ยุทธศาสตร์โค้งท้ายเลือกตั้ง
ต่อ ข้อถามว่าจะยิ่งสร้างความขัดแย้งมากขึ้นหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ได้ไปขัดแย้งกับใคร แต่ถ้าคนจะไม่สร้างความขัดแย้ง ประชาชนก็ต้องตัดสินใจว่าจะยอมให้คนที่สร้างความขัดแย้งทำอะไรได้ตามใจชอบ เสมอไปหรือไม่ เมื่อถามว่ากิจกรรมครั้งนี้จะดึงคะแนนนิยมจากประชาชนได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่สามารถตอบได้ เพราะประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน เมื่อถามว่าจะเป็นการดึงคะแนนความนิยมใน กทม.ของพรรคให้สูงขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนไม่ค่อยมีปัญหา มั่นใจว่าประชาชนต้องการเห็นบ้านเมืองเดินไปข้างหน้า ต้องการส่งสัญญาณให้สังคมไทยเองและชาวโลกว่าประเทศไทยต้องการเป็นประเทศที่ เคารพกติกา เป็นสังคมที่ต้องการให้ผู้บริหารประเทศดูแลเอาใจใส่ปัญหาของประชาชน
เมื่อ ถามว่ามีการพูดกันในคณะทำงานด้านยุทธศาสตร์ของพรรคประชาธิปัตย์ ว่าถ้าเกิดพูดตอกย้ำเรื่องการเผาบ้านเผาเมืองจะทำให้ได้คะแนนเสียงมากขึ้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีใครมาพูดตอกย้ำเรื่องการเผาบ้านเผาเมือง และไม่ทราบว่ายุทธศาสตร์พรรคใด ยืนยันว่าไม่มี เราจะชี้ให้เห็นถึงทางเลือกที่ชัดเจนของประเทศ นโยบายของพรรคมุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหายาเสพติด และพรรคเพื่อไทยพูดเองว่างานสำคัญงานแรกคือเรื่องการนิรโทษกรรม เราก็ห่วงใยว่าตรงนั้นจะนำไปสู่ความวุ่นวาย ไม่ได้ตอบโจทย์ของประชาชน และอาจซ้ำเติมบ้านเมือง แต่ขณะเดียวกันมีการกล่าวหาตนและพรรคเกี่ยวกับเหตุการณ์ตลอด ตนพยายามทำอย่างนุ่มนวลที่สุด คือการเขียนลงเฟซบุ๊กก็มาโวยวายไม่ให้ตนเขียน มาจำกัดสิทธิ์ของตน ซึ่งแปลกประหลาดมาก ตนจึงไม่ทราบว่าทำไมต้องกลัวความจริงกัน
จิตราป้ายดีแต่พูด-โต้มาร์ค
ด้าน น.ส.จิตรา คชเดช อดีตประธานสหภาพ แรงงานไทรอัมพ์ ซึ่งชูป้าย "ดีแต่พูด" เป็นคนแรก ประท้วงนายอภิสิทธิ์เมื่อวันสตรีสากลที่ผ่านมา กล่าวตอบโต้กรณีนายอภิสิทธิ์เขียนบทความเรื่อง "จากใจอภิสิทธิ์ถึงคนไทยทั้งประเทศ 5" เผยแพร่ในเว็บไซต์เฟซบุ๊กส่วนตัวว่า สิ่งที่นายอภิสิทธิ์พูดเป็นเรื่องของการไม่ยอมรับความจริง นายอภิสิทธิ์รู้อยู่ว่าวันนั้นตนได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรเวทีเดียวกับนาย อภิสิทธิ์ ไม่ได้ตั้งใจหรือเจตนาไปเจอโดยตรง การชูป้ายของตนไม่เกี่ยวข้องกับเสื้อแดงเลย และหลังจากนั้นตนก็ได้ออกมาชี้แจงแล้วหลายครั้ง
"คำพูดของนาย อภิสิทธิ์เป็นการพูดแบบบิดเบือน ไม่เปิดใจกว้าง ไม่ยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ ทัศนคติแบบนี้ไม่ควรเป็นบุคคลสาธารณะ หรือเสนอตัวมาเล่นการเมือง เพราะคนที่จะมายืนจุดนี้ได้ต้องยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์ โดยเฉพาะการวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำโดยสงบ เขามองว่าใครก็ตามที่ลุกขึ้นมาตั้งคำถามเป็นการเมืองฝั่งตรงข้าม คิดว่าประชาชนคิดเองไม่ได้ ในเมื่อคิดอย่างนี้ก็ไม่รู้จะหาเสียงไปทำไม ทำเองคนเดียวไปเลยจะดีกว่า" น.ส.จิตรากล่าว
เทือกโวดับไฟ-ไม่ใช่เติมเชื้อไฟ
ที่ ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีจะเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงที่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย.ว่า ตนยืนยันว่าพรรคดำเนินการตามกรอบกฎหมาย แต่พรรคเพื่อไทยต่างหากที่ชอบทำแหกกฎอยู่เสมอ เวลาพวกตนไปหาเสียงก็ให้สมุนบริวารออกมาขัดขวาง ข่มขู่ กดดันสารพัด แต่ตนไม่ทำอะไร ยังเดินหาเสียง ปราศรัยกับประชาชนตามปกติ บอกเป้าหมายในการบริหารงานบ้านเมืองและนโยบายต่างๆ ให้ประชาชนทราบ พวกตนเป็นนักการเมืองอาชีพ ทำอะไรยึดมั่นระบอบประชาธิปไตย
ผู้สื่อ ข่าวถามว่าวันดังกล่าวจะบอกอะไรประชาชนทราบ นายสุเทพกล่าวว่า มีหลายเรื่อง ทั้งเรื่องนโยบาย ผลงานที่ทำมาแล้ว ถือเป็นปกติในการปราศรัยของพรรค ตนจะพูดในส่วนงานที่รับผิดชอบคือการแก้ไขปัญหาความไม่สงบเรียบร้อยในบ้าน เมืองที่เกิดขึ้น การกระทำของแกนนำเสื้อแดง อย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เมื่อถามว่าจะเป็นการเติมเชื้อไฟหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ได้เติมเชื้อไฟ แต่เป็นการดับไฟมากกว่า และขณะนี้กลุ่มของนายณัฐวุฒิ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และสมุนบริวารของพ.ต.ท.ทักษิณวางกลยุทธ์ที่บิดเบือนข้อเท็จจริงและประวัติ ศาสตร์กล่าวหาว่านายกฯ เป็นคนสั่งฆ่าประชาชน สั่งให้ทหารมาเข่นฆ่าประชาชน การพูดจาอย่างนี้เป็นการให้ร้ายทหารและกองทัพ ทำให้คนเกลียดชังกัน ตนในฐานะผอ.ศอฉ. ซึ่งเป็นผู้ปฏิบัติตัวจริง จะนำข้อเท็จจริงไปบอกประชาชน
อ้ำอึ้ง-หวังคะแนนเสียงโค้งสุดท้าย
เมื่อ ถามว่าพรรคประเมินว่าหลังปราศรัยแล้วคะแนนเสียงจะได้กลับมาสนับสนุนพรรคมาก ขึ้นกว่าที่โพลระบุหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น ประชาชนคิดอย่างไรหรือใช้ดุลพินิจอย่างไรก็เป็นเรื่องของประชาชน พวกตนทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์ ไม่ใช่ไปอ้ำอึ้ง มีอะไรก็พูดจากับประชาชนตรงๆ จากนั้นประชาชนจะได้วินิจฉัยเอง เมื่อถามว่าหลายฝ่ายห่วงว่าสถานการณ์จะยิ่งรุนแรงมากขึ้น นาย สุเทพกล่าวว่า ไม่มีอะไรรุนแรงไปมากกว่าที่เขาทำมา คือเผาบ้านเผาเมืองจนยับเยินมา 2 ปี ไล่ล่าจะฆ่าตน จะฆ่านายกฯ มันไม่มีอะไรแรงไปกว่านี้อีกแล้ว ไม่กลัวแล้ว
เมื่อถามว่ากลุ่มคน เสื้อแดงเตรียมไปร่วมฟังการปราศรัยที่เวทีนั้นด้วย จะทำให้เกิดการเผชิญหน้ากันของผู้สนับสนุนพรรคหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ ทุกวันเขาก็ต่อต้านอยู่แล้ว เพราะกลยุทธ์เขาเป็นอย่างนั้น นายใหญ่สั่งมาให้ทำอย่างนี้ และขอร้องว่าอย่าไปสร้างภาพให้มันน่ากลัว ตำรวจก็มีคอยดูแล ยืนยันว่าการปราศรัยของพรรคจะไม่มีการปิดถนน และจะไม่ทำอะไรที่เป็นความเดือดร้อนของประชาชน จะตั้งเวทีข้างห้างเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งทำเรื่องขอใช้สถานที่ตามปกติ
"วัน ที่ 3 ก.ค.มีการเลือกตั้งแน่นอน คงไม่มีใครไปทำให้ไม่มีการเลือกตั้ง พวกผมอยากให้มีการเลือกตั้งอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นจะยุบสภาทำไม จะได้ยุติเรื่องเลวร้าย รุงรังที่คนพวกนี้ก่อเอาไว้ เลือกตั้งเสร็จวันที่ 3 ก.ค.ทุกอย่างต้องจบ" นายสุเทพกล่าว เมื่อถามว่ามั่นใจว่าช่วงตั้งรัฐบาลก็จะไม่มีปัญหา นายสุเทพกล่าวว่า นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่เราไม่ต้องกลัวปัญหา ทุกอย่างว่ากันตามกฎกติกา ใครมีเสียงข้างมากก็รวบรวมจัดตั้งรัฐบาล
ภท.หนุนปชป.เปิดเวทราชประสงค์
ที่ พรรคภูมิใจไทย นายศุภชัย ใจสมุทร โฆษกพรรค กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ตั้งเวทีปราศรัยที่สี่แยกราชประสงค์ในวัน ที่ 23 มิ.ย.นี้ว่า สถานที่ดังกล่าวเป็นสัญลักษณ์ทางการเมือง ดังนั้น ที่ผ่านมาฝ่ายตรงข้ามของพรรคประชาธิปัตย์ก็พยายามนำเรื่องราชประสงค์ออกมาตี กิน หาประโยชน์ ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีโอกาสชี้แจง หากมีโอกาสตั้งเวทีปราศรัยเพื่อชี้แจงให้ความจริงได้ปรากฏ เห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชน โดยเฉพาะคนกรุงเทพฯ เพื่อเป็นการช่วยเตือนความจำว่าที่ผ่านมามีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้นมาบ้าง
"ผม เห็นด้วยที่พรรคประชาธิปัตย์จะตั้งเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์ รวมทั้งเพื่อแสดงข้อมูลให้ชัดเจนไปเลยว่าใครเผาบ้านเผาเมือง ชายชุดดำ รวมถึงที่มาที่ไปของ 91 ศพ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์ในฐานะที่เป็นรัฐบาลชุดที่ผ่านมา จำเป็นต้องออกเปิดเผยข้อมูลว่าใครเป็นคนฆ่า เป็นเรื่องจำเป็นที่ชาวบ้านต้องได้รับข้อมูลอย่างรอบด้าน เพราะที่ผ่านมากลุ่มคนเสื้อแดงใช้ประโยชน์จากพื้นที่ โดยการหยิบแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์หรือเหตุการณ์บางประการมาแสวงหาผลประโยชน์ ให้กับตนเองเท่านั้น" นายศุภชัยกล่าว
"ชวน"ห่วงมาร์ค-กรีดใส่"ปู"
ที่ พรรคประชาธิปัตย์ นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ลงพื้นที่อ.ซำ สูง จ.ขอนแก่น ซึ่งถือเป็นหมู่บ้านเสื้อแดงว่า เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. ตนได้มีโอกาสการลงพื้นที่ในครั้งนี้ไม่ได้มีตำรวจติดตาม ไม่มีรถตำรวจนำขบวนแต่อย่างใด
"ผมเดินเข้าไปในบ้านของแกนนำเสื้อ แดง เจ้าของบ้านตกใจ ภรรยาเจ้าของบ้านก็ตอบรับดีมาก ส่วนสามีก็ไม่ได้ว่าอะไร และก็ได้คุยกับชาวบ้านบางส่วน เพราะชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าผมมา ผมได้เข้าไปดูบรรยากาศในหมู่บ้าน เห็นธงสีแดงติดเต็มตลอดทางในหมู่บ้าน ผมอยากรู้ว่าวิธีการเป็นอย่างไรเลยลงไปดูพื้นที่จริง คือต้องเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ไม่ใช่ตัวชี้ขาดในบางเรื่อง ดังนั้นบ้านเมืองต้องติดตามในเรื่องนี้ อย่าให้คนส่วนน้อยก่อปัญหาสร้างปัญหาให้บ้านเมือง เชื่อว่าบ้านเมืองมีทั้งคนดีและคนไม่ดีไม่มีใครสามารถทำให้ทุกคนเป็นคนดีได้ ทั้งหมด" นายชวน กล่าว
นายชานกล่าวว่า อย่างไรก็ตามรู้สึกเป็นห่วงการหาเสียงของนายกฯ ที่มีการใช้ถ้อยคำหยาบคาย เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มที่จ.เชียงใหม่ ระบอบทักษิณเกิดขึ้นที่นั่นและพัฒนามาจนทุกวันนี้ ถ้าขอร้องได้ก็อยากขอร้องว่าอย่าทำเลย การเมืองเขาใช้เหตุใช้ผลใครแพ้ใครชนะก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครไปหาเสียงที่ไหนก็เป็นสิทธิของคนนั้น ถ้าเราทำแบบเขาอย่างในช่วงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปที่จ.นราธิวาสก็คงทำได้ แต่ไม่มีใครทำไม่มีใครเอาก้อนอิฐปา เพราะมันเป็นการสร้างความขัดแย้งแตกแยก ตนดีใจที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ไปที่จ.นราธิวาสไม่มีกลุ่มคนมาก่อเหตุก็ยังเป็นห่วง ไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ก่อนเดินทางไปหาเสียงทางภาคเหนือชาวบ้านส่วนใหญ่เขากลัวไม่กล้า รับแม้กระทั้งรับโปสเตอร์ ใบปลิว ชาวบ้านบอกกลัวเดี๋ยวจะอยู่ในหมู่บ้านไม่ได้เพราะว่ามีการคุกคาม
ปชป.โวยลั่นถูกยั่วยุ-รุนแรง
น.พ.บุ รณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรค แถลงว่า พรรคได้รับการยืนยันแนวทางการใช้วิธีขัดขวางการหาเสียง ไม่ใช่เฉพาะพื้นที่ที่นายอภิสิทธิ์ลงหาเสียงซึ่งถูกต่อต้านด้วยวิธีดิบ ถ่อย เถื่อน เท่านั้น แต่เริ่มมีพฤติกรรมที่ส่อเค้ายั่วยุ รุนแรงมากขึ้น จนทำให้ผู้สมัครของพรรคที่ลงพื้นที่ประสบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกัน ฝากถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่ยังให้สัมภาษณ์สื่อ โดยไม่รับผิดชอบและปกป้องการกระทำของกลุ่มคนดังกล่าว ขอให้เลิกพูดคำว่า "เป็นการแสดงออกตามสิทธิ" การกระทำดังกล่าวไม่ใช่การทำตามรัฐธรรมนูญ แต่เป็นการละเมิดสิทธิ ขัดขวางการเลือกตั้งและหาเสียงของผู้สมัคร ส่งผลกระทบต่อระบอบประชาธิปไตย
น.พ.บุรณัชย์กล่าวว่า เหตุการณ์วันที่ 19 มิ.ย. ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์ลงพื้นที่หาเสียงถูกผู้ไม่สนับสนุนใช้อาวุธ ซึ่งเป็นป้ายเบอร์ 1 พรรคเพื่อไทย ทำร้ายผู้สนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ แม้พรรคเพื่อไทยเสนอน.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้นำประเทศ แต่ถ้ายังไม่สามารถหยุดพฤติกรรมของคนเสื้อแดงได้ หากมีโอกาสตั้งรัฐบาลจะสามารถ หยุดพฤติกรรมดิบ เถื่อน ถ่อย และความรุนแรงได้อย่างไร
แฉตร.นอกเครื่องแบบรปภ.มาร์ค
ที่ พรรคเพื่อไทย นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า สำหรับการที่พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัยที่แยกราชประสงค์นั้น พรรคได้พูดคุยเป็นการส่วนตัวกับผู้นำเสื้อแดงและทราบว่า การกระทำในลักษณะนี้พรรคประชาธิปัตย์ต้อง การยั่วยุคนเสื้อแดง เพื่อให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมที่แยกราชประสงค์ จากนั้นก็จะถูกประชาชนต่อต้าน ซึ่งแกนนำคนเสื้อแดงยืนยันแล้วว่า ไม่คิดจะจัดชุมนุมที่แยกราชประสงค์ ดังนั้น อย่ามาล่อเสือออกจากถ้ำ เพราะกลุ่มคนเสื้อแดงไม่เอาด้วยแน่นอน โดยในวันนี้ตนทราบอีกว่า ยังมีความพยายามของพรรคประชาธิปัตย์ที่ออกมาจี้ให้พรรคเพื่อไทยบอกให้กลุ่ม คนเสื้อแดงหยุดการต่อต้านและโจมตีเพื่อที่จะหาเหตุฟ้องยุบพรรคเพื่อไทย โดยจะอ้างว่ามีความเกี่ยวข้องกับการชุมนุมของคนเสื้อแดง แต่พรรคเพื่อไทยจะไม่หลงกลอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นาย อภิสิทธิ์ลงพื้นที่และถูกคนเสื้อแดงต่อต้านอย่างหนัก นายปลอดประสพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่ากลุ่มเสื้อแดงจริงหรือปลอม แต่ตอนนี้ทราบมาว่าการลงพื้นที่หาเสียงของนายอภิสิทธิ์ จะมีการจัดทีมองครักษ์มาดูแล และจะมีคณะจักรยานยนต์ซึ่งทราบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจถอดเครื่องแบบมานำ ขบวน พร้อมกับถือธงพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งถ้าเป็นตำรวจก็ต้องแต่งเครื่องแบบ ไม่ต้องมาเปลี่ยนชุดและอย่ามาทำฉลาดเกินกว่าเหตุ เพราะกลัวว่าจะถูกร้องเรียนเลย
ยื่นศาลขอ"จตุพร-นิสิต"ไปเลือกตั้ง
เมื่อ เวลา 14.00 น. ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นางพรหมภัสสร ณ กาฬสินธุ์ ภรรยาของนาย จตุพร พรหมพันธุ์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำนปช. พร้อมนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความ และนายสมหวัง อัสราษี ผู้รับมอบอำนาจจากนายจตุพร เดินทางมา ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่ออธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา เพื่อพิจารณาเรื่องสิทธิขอประกันตัวนายจตุพร จำเลยคดีร่วมกันก่อการร้าย
นาย วิญญัติ กล่าวว่า เมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 มิ.ย. ได้ยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมถึงนาย สบโชค สุขารมณ์ ประธานศาลฎีกาแล้ว สืบเนื่องจากตลอดเวลาที่นายจตุพร ต่อสู้เพื่อขอประกันตัว ถูกเพิกถอนสัญญาประกันโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม อย่างไรก็ตาม นายจตุพรได้กล่าวว่า ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้รับการประกันตัว แต่ขอใช้สิทธิ์ยื่นหนังสือและขอให้พิจารณาหนังสือดังกล่าวอีกครั้ง และในวันที่ 21 มิ.ย.นี้ ตนจะไปยื่นขอประกันตัวนายจตุพรและนายนิสิต สินธุไพร อีกครั้ง โดยใช้หลักทรัพย์คนละ 2 ล้านบาท แต่หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ในวันที่ 27 มิ.ย.ตนจะมายื่นคำร้องต่อศาลขอให้มีคำสั่งอนุญาตให้นายจตุพรและนายนิสิตไป ใช้สิทธิ์เลือกตั้งส.ส.วันที่ 3 ก.ค.นี้ด้วย
แดงนัดไหว้พระพรหม 22 มิ.ย.
ด้าน นายสมหวัง กล่าวว่า นายจตุพรเป็นผู้สมัครส.ส.มีสิทธิ์เดินทางไปหาเสียง และมีสิทธิ์ใช้เสียงเลือกตั้งตามสิทธิประชาชน หวังว่าจะได้รับความกรุณาจากศาล ทั้งนี้ วันที่ 22 มิ.ย.เวลา 12.00 น. กลุ่มนปช.จะไปรวมตัวกันที่ท้าวมหาพรหม แยกราชประสงค์ เพื่อสักการะ พร้อมทั้งสาปแช่งคนที่เผาบ้านเผาเมืองและฆ่าประชาชน ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์จะไปเปิดปราศรัยในบริเวณดังกล่าว ในวันที่ 23 มิ.ย. ก็ไม่อยากให้คนเสื้อแดงเดินทางไปบริเวณดังกล่าว เพราะหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นจะเข้าทางพวกเขา
ที่จ.พิษณุโลก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงวันที่ 23 มิ.ย. พรรคประชาธิปัตย์จะปราศรัยที่ราชประสงค์และนำซีดีเหตุการณ์การชุมนุมของคน เสื้อแดงไปแจก และโจมตีว่าแกนนำคนเสื้อแดงคือผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทยว่า เรื่องคดีความต่างๆ ยังไม่สิ้นสุด แต่ถ้าตรงไหนไม่สบายใจก็เร่งกระบวนการกฎหมายให้ชัดเจน จะได้ชัดเจนว่าใครทำอะไรไม่ถูก จะได้ดำเนินการตามกฎหมาย
น้องชายเกดจี้ทบ.ชี้แจง 6 ศพ
ด้าน นายณัทพัช อัคฮาด น้องชายของ น.ส. กมนเกด อัคฮาด พยาบาลอาสาที่ถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชา ธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัยบริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย.ว่า การเปิดเวทีปราศรัยของนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ ตนและบรรดาญาติของผู้เสียชีวิตทั้งสองเหตุการณ์นี้ก็จะเฝ้าติดตามคำชี้แจง ของนายอภิสิทธิ์ อย่างใกล้ชิด และขอฝากเตือนไปยังคนในพรรคประชาธิปัตย์ ที่จะเอาเรื่อง 91 ศพ นี้มาปราศรัยบนเวทีในวันดังกล่าวก็ขอพูดให้ดี อย่าได้มาพูดพาดพิงถึง 6 ศพในวัดปทุมฯ ซึ่งมีพี่สาวตนรวมอยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นได้เห็นดีกัน
นายณัทพัช กล่าวต่อว่า วันศุกร์ที่ 24 มิ.ย. เวลา 11.30 น. ตนและญาติผู้เสียชีวิตในวัดปทุมฯ ก็จะเดินทางไปยังกองทัพบก ถนนราชดำเนินอีกครั้ง หลังจากครบกำหนด 1 สัปดาห์ที่ตนและญาติได้เคยไปยื่นหนังสือถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ที่ต้องการให้นำตัวนายทหารทั้งหมดที่ดูแลรับผิดชอบกำลังพลบนราง รถไฟฟ้าบีทีเอส หน้าวัดปทุมฯ ออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงต่อญาติผู้เสียชีวิตว่าในวันดังกล่าวได้มีการสั่งให้ ทหารใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปในวัดหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้มีทหารที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนบีทีเอส ได้ชี้แจงและรับสารภาพกับคอป.ไปแล้วว่าได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เข้าไปในวัดปทุม วนารามจริง จึงต้องการคำยืนยันจากนายทหารกลุ่มนี้
"นที"ชี้ปชป.ถ่มน้ำลายรดเหยื่อตาย
ด้าน นายนที สรวารี กล่าวว่า การเปิดเวที ปราศรัยเพื่อชี้แจงกรณี 91 ศพ ของพรรคประชาธิปัตย์ที่แยกราชประสงค์ ขอฝากถามไปยังนายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ว่าทำไปเพื่ออะไร ต้อง การอะไร เพราะการที่นายอภิสิทธิ์ เข้าไปใช้พื้นที่ราชประสงค์ครั้งนี้เหมือนเป็นการไปถ่มน้ำลายใส่ซากศพซ้ำไม่ ว่าจะเป็นศพทหารหรือศพประชาชน ไม่ให้เกียรติคนตายและการเสียชีวิตของประชาชนกลุ่มนี้ก็เสียชีวิตจากปัญหา ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดจากรัฐบาลทำให้เกิดความขัดแย้ง คิดเห็นต่าง จนเกิดการปะทะ และฝ่ายที่มีอาวุธมากกว่าคือฝ่ายรัฐบาลก็ชนะ และอีกฝ่ายซึ่งไม่มีใครรู้ที่รัฐบาลเรียกว่าชายชุดดำหรือก่อการร้าย จนถึงตอนนี้รัฐบาลก็ยังไม่สามารถเอาตัวชายชุดดำนี้ออกมาได้ สุดท้ายคนเสื้อแดงที่เสียชีวิตก็ถูกกล่าวหายัดเยียดให้ว่าเป็นชายชุดดำ ซึ่งตนเชื่อว่าการเปิดเวทีราชประสงค์ของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้จะสร้าง ความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น ขอให้นายอภิสิทธิ์ทบทวนการเปิดเวทีครั้งนี้โดยเร็ว
นายนที กล่าวต่อว่า อยากเรียกร้องให้นาย อภิสิทธิ์ และคนในรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ เลิกใช้โจทย์โยนความผิดให้คนเสื้อแดงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นกลุ่มผู้ก่อการ ร้ายหรือชายชุดดำเสียที เพราะหากคนเสื้อแดงเป็นอย่างที่รัฐบาลพูดป่านนี้คงมีการออกมาแก้แค้น วางระเบิดคาร์บอมบ์ไปแล้ว แต่ผ่านมากว่า 1 ปี ยังไม่เคยมีเหตุการณ์รุนแรงอะไรเลย
"ทุกวันนี้มองว่านายอภิสิทธิ์ เริ่มแสดงวุฒิภาวะที่อ่อนด้อยลง ออกมาทะเลาะผ่านเว็บ ผ่านไมค์โต้เถียงกับประชาชนตามท้องถนนทุกวัน ทั้งๆ ที่คนที่ออกไปตามราวีนายอภิสิทธิ์ นั้นเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำของรัฐบาลทั้งสิ้น และไม่ได้ไปในนาม นปช. เพียงแค่ไปหาคำตอบจากนายอภิสิทธิ์เท่านั้น" นายนที กล่าวและว่า ขณะนี้คนเสื้อแดงไม่ให้ราคาพรรคประชาธิปัตย์และตัวนายอภิสิทธิ์แล้ว เหมือนเป็นสินค้าหมดอายุ
"ตาล"อ้างพูดหัวข้อดับไฟประเทศ
ที่ ศาลาว่าการ กทม. นายเจริญรัตน์ ชูติกาญจน์ ปลัด กทม. กล่าวถึงกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์จะเปิดเวทีปราศรัย บริเวณลานหน้าห้างเซ็นทรัลเวิลด์ บริเวณสี่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย. นี้ ว่า พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้ขอใช้พื้นที่ของ กทม. แต่เป็นพื้นที่ของห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล รวมทั้งไม่ได้ขอเจ้าหน้าที่เทศกิจเป็นกรณีพิเศษ เพราะการปราศรัยหาเสียงของผู้สมัคร และพรรคการเมือง สามารถทำได้อยู่แล้ว หาก ว่าใช้พื้นที่ของเอกชน ก็ต้องขออนุญาตเอกชน หากมองว่าจะมีปัญหาในด้านการจราจร ต้องแจ้งสถานีตำรวจในท้องที่ ซึ่งโดยตรงไม่ได้เกี่ยวกับกทม. เพราะจริงๆ แล้วการเลือกตั้ง จะมีปัญหาหรือประเด็นใดๆ การวินิจฉัยเป็นอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กทม. เป็นเพียงผู้ช่วย ตามที่กกต. มอบหมายมาให้ช่วยจากการเลือกตั้ง
นาย สาทิตย์ วงศ์หนองเตย กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการปราศรัยใหญ่ที่สี่แยกราชประสงค์ ในวันที่ 23 มิ.ย.ว่า จะนำเสนอ "ดับไฟประเทศ" โดยแกนนำพรรคจะชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งช่วง 2 ปีกว่าที่ผ่านมา มีที่มาที่ไปและส่งผลกระทบต่อชีวิตคนไทยอย่างไร เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่รักสงบและหวังให้ประเทศไม่วุ่นวาย ไม่แตกแยก ไม่ขัดแย้ง ที่สำคัญยังเห็นว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยเดินหน้าอยู่ในขณะนี้ ขัดแย้งกับแนวทางสร้างความ ปรองดองอย่างแท้จริง
"หลังจากนาย อภิสิทธิ์ประกาศว่าจะมีการปราศรัยดังกล่าวออกไป การที่สื่อและประชาชนจำนวนกมาให้ความสนใจ แสดงให้เห็นว่าคนส่วนใหญ่ยังหวาดกลัวกับความวุ่นวายที่อาจจะเกิดขึ้น ดังนั้น พรรคจะชี้ทางออกของประเทศ และพูดจาให้ได้รู้ว่าถึงเวลาที่ไม่ควรต้องทนกับพฤติกรรมของคนบางกลุ่มอีกต่อ ไป" นายสาทิตย์กล่าว พร้อมปฏิเสธว่าเหตุที่เลือกวันที่ 23 มิ.ย.ไม่ได้มีเหตุผลจากความเชื่อเรื่องโชคลาง
สาวชูป้าย"ดีแต่พูด"คนแรก
โต้เฟซบุ๊กมาร์ค-ย้ำ"ดีแต่พูด"
เมื่อ วันที่ 20 มิ.ย. นางจิตรา คชเดช อดีตแกนนำแรงงานหญิงไทรอัมพ์ ปัจจุบันเป็นผู้ประสานงาน"ไทรอาร์ม" ผู้ชูป้าย "ดีแต่พูด" เป็นคนแรก มีจดหมายเปิดผนึกถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 19 มิ.ย. ความว่า
ดิฉันขอแนะนำตัวก่อน ดิฉันเป็นคนที่เสียภาษีและไปเลือกตั้งทุกครั้งและร่วมแสดงความเห็นทางการ เมืองและรวมกลุ่มกันมาตลอด ช่วงที่ประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย หรือนักการเมือง ข้าราชการ นายทุนเข้ามากดขี่ แสวงหาผลประโยชน์จากคนจนๆ อย่างพวกเรา ในวันนี้เป็นวันครบรอบ 1 ปี 1 เดือน พอดี ดิฉันได้ไปร่วมกิจกรรมรำลึกถึงวีรชนที่เสียชีวิตในเหตุการณ์รัฐบาลสั่งให้ สลายการชุมนุมของพี่น้องเสื้อแดงจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต และมีผู้หญิงและเด็กด้วย
กลับมาดิฉันได้อ่านจดหมายของคุณจาก อภิสิทธิ์ฉบับที่ 5 "ผมไม่ได้ดีแต่พูด" มันทำให้ดิฉันจำเป็นต้องตอบจดหมาย เพราะพาดพิงถึงดิฉันโดยตรงว่า "กระบวนการนี้เริ่มจากการให้คนเสื้อแดงไปชูป้ายที่งานวันแรงงานที่องค์กร เอกชนจัดขึ้น เพื่อให้ ส.ส.เพื่อไทยเอาไปขยายผลในสภาและการสร้างกระแส" เพราะคนแรกที่ถือป้ายคือดิฉันร่วมกันกับเพื่อนๆ อดีตคนงานไทรอัมพ์ ที่ถูกนายจ้างเลิกจ้าง และถูกอดีตรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานซึ่งอยู่พรรคเดียวกะคุณขณะนั้นได้เอาจักร เย็บผ้าที่มีผู้บริจาคมาให้กับคนที่ถูกเลิกจ้างไปถึง 150 ตัว อะไรบ้างที่เป็นแรงบันดาลใจที่ดิฉันต้องมาถือป้ายให้คุณในวันงานเสวนา "100 ปีวันสตรีสากล" ที่จัดโดยกลุ่มบูรณาการสตรี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งดิฉันได้ชี้แจงไปหลายครั้งแล้วผ่านสื่อต่างๆ แต่คุณคงไม่มีเวลาอ่านและทำความเข้าใจและได้วิเคราะห์ว่าปรากฏการณ์ที่เกิด ขึ้นเกิดจากตัวของคุณเอง ไม่ได้เกิดจากคนถือป้ายคนแรก แต่คุณมักจะโทษคนอื่นเสมอ
จดหมายฉบับนี้ที่ดิฉันเขียนถึงคุณโดยตรง เพื่อให้คุณได้เกิดหูตาสว่างบ้างว่าประชาชนคนทั่วไปเขาคิดเองได้ มีสติ มีสมองกันทุกคน ที่เขาตั้งคำถามหรือเตือนสติคุณต้องกลับเอาไปคิด ไม่ใช่ท่องอยู่ตลอดเวลาว่าคนเหล่านี้ทำอะไรก็เป็นแผนของกลุ่มการเมืองฝ่าย ตรงข้าม แล้วเมื่อไหร่คุณจะได้รู้ข้อเท็จจริงซะทีว่าประชาชนคนไทย ยากดีมีจนเขาคิดเองได้แล้ว หวังว่าคุณคงรู้แล้วว่า "คนไทยไม่ได้เดินทางด้วยเกวียนและไม่ได้กินหญ้า"
ดิฉันยกป้าย "ดีแต่พูด" ให้คุณเพราะอะไร คุณกรุณาอ่านด้วยความตั้งใจ วันที่ 6 มีนาคม 2554 ดิฉันถูกเชิญไปเป็นผู้ร่วมเสวนาเวทีเดียวและหัวข้อเดียวกันกะคุณ และเคยชี้แจงผ่าน FB ไปแล้วว่าได้กลับมาเขียนเฟชบุ๊กส่วนตัว "วันนี้ฉันเผชิญหน้าผู้ชายคนหนึ่ง ฉันโกรธ ฉันตะโกนออกไป ฆาตกร ฆาตกร ไม่มีใครได้ยินเสียงฉัน เพราะบนเวทีเขากำลังหน้าบานกันดีใจ ซึ่งคนละอารมณ์กับฉัน ฉันอยากร้องไห้ เมื่อฉันนึกถึงพี่น้องเสื้อแดงที่ถูกฆ่าตาย ฉันตะโกนอีกครั้ง "มือเปื้อนเลือด" ฉันหยิบปากกาเมจิก เอากระดาษ A4 (คือแถลงการณ์ของงานวันนั้น) ใช้ด้านที่ว่างเขียนว่า "มือใคร?" ฉันเอามือฉันทาบลงไปแล้วเขียนตาม ฉันค้นหาปากกาเมจิกสีแดงเพื่อทาเป็นสีเลือด ฉันถามคนอื่นไม่มีใครมี ฉันรีบตัดสินใจเขียนว่า "เปื้อนเลือด" ไปบนฝ่ามือ ฉันเขียนสองแผ่นประกบกันแล้วพับมุมนั้นมุมนี้
ในขณะนั้นมันกำลังให้ นโยบายเกี่ยวกับวันสตรีสากล ฉันชูกระดาษขึ้น มันตอบมาทันที ว่าวันนี้วันสตรีไม่เกี่ยวกับการเมือง ให้ฟังว่าใครมือเปื้อนเลือดชี้แจงในสภา ฉันชูป้ายเด็ดสำหรับฉัน "เหรอ...." และตามด้วย "ดีแต่พูด" ฉันถูกกีดกันจากตำรวจ เพื่อแย่งแผ่นป้าย ฉันถาม "แผ่นป้ายมีปัญหาอะไร เหรอ..., ดีแต่พูด, มือใคร? เปื้อนเลือด" มันมีปัญหาตรงใหน ด่าใคร หยาบคายหรือเปล่า ตำรวจบอก ว่ามือใคร? เปื้อนเลือด ฉันถามว่าแล้วเปื้อนจริงเหรอถึงเดือดร้อน และเพื่อนของฉันก็ชูป้าย "ดีแต่พูด" ขึ้นด้านหน้าฉันขึ้นไปอีกสามแถว จึงกลายเป็นเหตุให้การเตรียมการพูดตั้งแต่ 11.30-13.15 น. ต้องยุติลงเลยเที่ยงเล็กน้อย
เราไม่ได้สบตากันเลยระหว่างฉันกับ ผู้ชายคนนั้น เพราะเขาหลบหน้าฉัน รีบหนีฉันไปและให้ตำรวจกักตัวฉันกับเพื่อนๆ ไว้เกือบครึ่งชั่วโมง ฉันไม่มีเรื่องโกรธเกลียดกันเป็นการส่วนตัว แต่ฉันไม่ชอบระบบที่เขาใช้อยู่ ฉันต้องการระบบประชาธิปไตย คนเท่ากันหนึ่งคน หนึ่งสิทธิ์ หนึ่งเสียง ทุกคนมาจากการเลือกตั้ง ทุกสถาบันตรวจสอบได้ ฉันไม่ต้องการคนดี คนหล่อ ฉันต้องการการตรวจสอบเปิดเผย โปร่งใส" ต่อไปคือความในใจที่ฉันคิดว่าป้ายนี้เหมาะสำหรับคุณคือ "คนดีแต่พูด" และไม่รู้ว่าคุณยังจะจำในสิ่งที่พูดได้หรือเปล่า
1."เมื่อมีประชาชน เพียง 1 คน หรือแสนคน มาเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาตัวเองนั้น ไม่ได้ขัดหลักการประชาธิปไตย โดยเฉพาะถ้ามีข้อสงสัยว่าการบริหารประเทศนั้นละเมิดกฎหมาย ละเมิดสิทธิประชาชน หรือทุจริตคอร์รัปชั่น เรื่องเหล่านี้ในประเทศที่พัฒนาแล้วจะไม่รอให้กฎหมายจัดการ แต่จะมีสำนึกความรับผิดชอบทางการเมือง" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 31 ส.ค.51 @สภาผู้แทนฯ
2."..ยุบสภาจะเป็นการรับผิดชอบ ทำเถอะเพื่อบ้านเมืองสงบสร้างบรรทัดฐานที่ดีเถอะครับ.." อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 31 ส.ค.51 @สภาผู้แทนฯ
3."ผม ไม่นึกไม่ฝันว่าเรามีรัฐที่ได้ทำร้ายประชาชนถึงขั้นเสียชีวิต บาดเจ็บสาหัสแล้ว เรายังมีรัฐที่พยายามยัดเยียดความผิดกลับไปให้ประชาชนอีก เป็นพฤติกรรมที่รับไม่ได้ครับ" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 9 ตุลาฯ 51 @ที่ทำการพรรค ปชป.
4."เพื่อพิสูจน์ความจริงใจ ท่านต้องสั่งย้ายตำรวจที่ให้ร้ายประชาชนออกไปให้หมดก่อนครับ ถ้าท่านจะตั้งกรรมการสอบข้อเท็จจริง (กรณี 7 ตุลาฯ 51)" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 9 ตุลา 51 @ที่ทำการพรรค ปชป.
5."ไม่มีที่ไหนในโลกที่ ประชาชนถูกทำร้ายจากภาครัฐแล้วรัฐบาลที่มาจากประชาชนไม่แสดงความรับผิดชอบ ไม่มี" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 9 ตุลาฯ 51 @ที่ทำการพรรค ปชป.
6."ต้องมีคนรับผิดชอบต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้นกับประชาชนครับ" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 9 ตุลาฯ 51 @ที่ทำการพรรค ปชป.
7."ประเทศ ไทยเป็นสังคมเปิด ซึ่งเคารพและเชื่อมั่นในเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น.." อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามนายซาลิล เชตตี้ เลขาธิการองค์กรนิรโทษกรรมสากลเนื่องในโอกาสเข้าพบ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.53 ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
8."..สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดเจนจาก สถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันซึ่งทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต่างสามารถ เข้าถึงสื่อและหนังสือพิมพ์ รวมถึงทีวีสาธารณะและเคเบิลทีวี เป็นสภาพการณ์ที่แตกต่างจากอดีต.." อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตอบข้อซักถามนายซาลิล เชตตี้ เลขาธิการองค์กรนิรโทษกรรมสากลเนื่องในโอกาส...เข้าพบ เมือวันที่ 10 พ.ย.53 ณ ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
9."...ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย และไม่มีใครมีสิทธิพิเศษ..." อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 29 ธ.ค.53
10."ผู้นำทั้งหลายควรจะเคารพต่อความต้องการของประชาชน" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 29 ม.ค.54
11."การเลือกตั้งจะช่วยคลี่คลายปัญหาและแก้วิกฤตชาติ" นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 8 ก.ค.50
12."เสริม สร้างสันติภาพของการอยู่ร่วมกันกับประเทศเพื่อนบ้าน" (จากนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 @ ที่กระทรวงการต่างประเทศ)
13."แม้ พันธมิตรฯ จะทำผิด แต่รัฐบาลก็ไม่มีสิทธิ์ทำร้ายประชาชน" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ขณะนั้น) 9 ตุลาคม 2551 ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงข่าวเรียกร้องให้รัฐบาล (สมชาย) รับผิดชอบต่อเหตุการณ์สลายการชุมนุม เมื่อวันที่ 7 ตุลาฯ 51
14."ร่วม มือกับภาคเอกชนในการดำเนินมาตรการชะลอการเลิกจ้างและป้องกันการขยายตัวของ การเลิกจ้างในภาคอุตสาหกรรมและบริการ" (จากนโยบายความมั่นคงของรัฐ ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 @ ที่กระทรวงการต่างประเทศ)
15."ลดภาระค่าครองชีพของประชาชน" (จากนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 @ ที่กระทรวงการต่างประเทศ)
16."ให้ ทุกคนมีโอกาสได้รับการศึกษาฟรี 15 ปี" (จากนโยบายเร่งด่วนที่จะเริ่มดำเนินการในปีแรก ที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แถลงต่อรัฐสภา เมื่อ 30 ธันวาคม 2551 @ ที่กระทรวงการต่างประเทศ)
ก่อน ที่จะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีคุณแถลงนโยบายเร่งด่วนว่า อันดับแรก คือการชะลอการเลิกจ้างที่เกิดจากปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลก็ไม่ได้ชะลอเลย กลับไปส่งเสริมการลงทุนให้นายทุนขยายกิจการแต่เลิกจ้างคนงาน ส่วนโครงการต้นกล้าอาชีพก็ไม่ได้ตอบสนองความต้องการของคนงานเหมือนกัน คนงานเย็บผ้าที่ถูกเลิกจ้าง แทนที่คุณจะต้องต่อยอดความสามารถเดิมที่เขามี กลับไปแนะนำให้เขาชงกาแฟ ไปเป็นหมอนวดแผนไทย ส่วนการขายกาแฟก็ต้องมีงบประมาณเบื้องต้นถึง 5 หมื่นบาท นั่นหมายความว่าแก้ปัญหาไม่ได้ อันนี้ตอบคำถามคุณที่ถามพูดเหน็บแนบ ว่าคนชูป้ายสงสัยลูกหรือญาติไม่ได้เรียนหนังสือ จะเรียนกันไปได้ยังไงมาดูก็แล้วกัน
โครงการเรียนฟรี รัฐบาลบอกว่าเรียนฟรี 15 ปี เป็นความภูมิใจของคุณมากๆ ซึ่งจริงๆ แล้วโครงการนี้มันไม่ได้เรียนฟรีจริงๆ เป็นเพียงการแบ่งเบาภาระผู้ปกครองเท่านั้น เปิดเทอมครั้งหนึ่งได้เงิน 900-1,200 ซึ่งมันไม่พอกับค่าชุดนักเรียน ชุดลูกเสือ ชุดกีฬาด้วยซ้ำ เราไม่สามารถเอาเงินพวกนี้ไปเรียกว่าเรียนฟรีได้ เพราะแม้แต่ชุดนักเรียนดีๆ สักชุดยังซื้อไม่ได้เลย
อีกนโยบายคือ 90 วันแก้ปัญหาชายแดนใต้ เอาเข้าจริง 2 ปี ปัญหาชายแดนใต้ไม่ได้ดีขึ้นเลย ซ้ำยังหนักว่าเดิม นโยบายค่าจ้าง ครั้งแรกบอกว่าค่าจ้างที่พอกับการครองชีพ คือวันละ 250 สุดท้ายก็เพิ่งปรับเมื่อเดือนพ.ค. ก็ได้แค่ 215 บาท ความเห็นของนายกฯ เมื่อพูดออกมาแล้วทำไมถึงทำไม่ได้ จะไม่ให้เรียกว่าดีแต่พูดได้อย่างไร พอมีแนวโน้มจะยุบสภาก็ออกมาบอกว่าพรรคประชาธิปัตย์จะปรับค่าจ้างเป็นวันละ 300 พวกเราฟังแล้วก็คิดว่าทั้งๆ ที่คุณเป็นรัฐบาลสัญญาก่อนหน้าคุณยังทำไม่ได้เลย แล้วยังจะมาหาเสียงแบบนี้อีก
ข้อนี้ขอถามว่าในเว็บไซต์พรรคประชา ธิปัตย์บอกว่าคนที่ชูป้ายดีแต่พูดในงานวันสตรีสากล ไม่เข้าใจรากเหง้าของประชาธิปไตย ดิฉันถามว่าถ้าถือป้ายอย่างสงบไม่เป็นประชาธิปไตย สะท้อนว่าที่ผ่านมาอย่างยาวนานของพรรคประชาธิปัตย์คงไม่เข้าใจว่าอะไรคือ ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
จึงเรียนมาให้คุณได้คิด ไตร่ตรอง ใช้สติในการพูด เขียน ให้มากขึ้น อะไรทำไม่ได้ไม่ต้องพูด อะไรไม่ใช่เรื่องจริงไม่ต้องเขียน และคุณต้องยอมรับที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ได้ คนที่เป็นบุคคลสาธารณะคือคนที่ก้าวเข้ามาเป็นนักการเมือง ได้ใช้ภาษีของประชาชน บุคคลเหล่านี้ต้องวิพากษ์วิจารณ์และตรวจสอบได้ ถ้าคุณไม่ต้องการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ต้องการถูกตรวจสอบ คุณก็ต้องไม่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการบริหารเงินภาษีประชาชน และไม่มาเสนอตัวเป็นนักการเมือง หรือผู้บริหารประเทศ
ที่มา http://www.khaosod.co.th/view_news.php?newsid=TUROd01ERXdNakl4TURZMU5BPT0=§ionid=TURNd01RPT0=&day=TWpBeE1TMHdOaTB5TVE9PQ==
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1410 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย ตนข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 21 มิ.ย. 54
เวลา 09:37:15
|