หนุ่มใหญ่เมืองชัยภูมิสุดเหี้ยม ดักยิงชายชู้สิ้นใจคายคามือ แล้วมัดศพติดท้ายรถกระบะ ขับลากประจานไปรอบหมู่บ้าน จากนั้นยังไม่สาแก่ใจ รัวยิงร่างไร้วิญญาณอีกชุดรวม 16 นัด ก่อนรอมอบตัวรับสารภาพ...
เมื่อ เวลา 06.30 น. วันที่ 30 ส.ค. ร.ต.ท.ศุภสิทธิ์ อึ้งสุวรรณพานิช พนักงานสอบสวน สภ.บ้านค่าย รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกฆ่าบริเวณหน้าวัดโนนสำราญ บ้านโนนสำราญ ต.โนนสำราญ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ จึงพร้อมด้วย พ.ต.อ.สนธยา แต่แดงเพชร ผกก.สภ.บ้านค่าย นำกำลังและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ ที่เกิดเหตุอยู่บนถนนหน้าวัดโนนสำราญ พบศพ นายประเสริฐ หล้าอ่อน อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 97 หมู่ 3 ต.โนนสำราญ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ สภาพยสวมกางเกง ยีนส์ขายาวสีน้ำเงิน เชื้อยืดแขนสั้นสีแดงทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีเทา สวมรองเท้าผ้าใบสีดำ หน้าอกสักรูปเสือเผ่น ส่วนบริเวณข้อเท้า 2 ข้าง ถูกมัดด้วยเชือกสีดำผูกติดกันชนท้ายรถกระบะอีซูซุสีเปลือกมังคุด ทะเบียน บจ-8306 ชัยภูมิ พื้นถนนมีร่องรอยการลากสิ่งของเป็นทางยาว
จากนั้น เมื่อตรวจสอบศพนายประเสริฐพบว่า หนังศีรษะด้านหลังหลุดออกเป็นแผลขนาดใหญ่ กางเกงที่สวมมีลักษณะถูกลากขาดจนเห็นก้น บริเวณหน้าผากมีบาดแผลถูกยิงด้วยปืนขนาด 9 มม. 2 นัด กระสุนทะลุท้ายทอด ส่วนหน้าอกมีบาดแผลถูกยิงอีก 14 แห่ง ขณะเดียวกันมี นายเดช เพ็งแสวง อายุ 60 ปี อยู่บ้านเลขที่ 143 หมู่ 2 บ้านโนนสำราญ ต.โนนสำราญ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ถือปืนพกสั้นขนาด 9 มม. รอพบตำรวจ ตรวจสอบพบว่า ปืนยิงจนกระสุนหมด
จากการสอบสวน นายเดช ให้การรับสารภาพว่า เป็นผู้ยิงนายประเสริฐตายแล้วใช้เชือกมัดข้อเท้าทั้ง 2 ข้างผูกโยงกับท้ายรถกระบะของนายประเสริฐเอง จากนั้น ขับลากไปรอบๆ หมู่บ้านก่อนจอดหน้าวัดโนนสำราญ สาเหตุเนื่องจากเมื่อประมาณ 1 ปีที่ผ่านมา นายประเสริฐแอบมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกับภรรยาของตนจึงยกให้ไปอยู่กินด้วยกัน แต่เมื่อประมาณ 1 เดือนมานี้ นายประเสริฐมาหาที่บ้านและด่าว่าต่างๆ นาๆ พร้อมใช้มีดไล่แทง เลยเก็บความแค้นไว้โดยคิดว่าเสียภรรยาไม่ว่าแต่อย่ามาข่มเหงกัน
นาย เดช กล่าวต่อว่า ก่อนเกิดเหตุพกปืนมารอนายประเสริฐ เพราะทุกวันนายประเสริฐ ซึ่งมีอาชีพรับเหมาต้องขับรถกระบะมารับคนงานภายในหมู่บ้าน เมื่อเห็นเดินลงจากรถจึงชักปืนกระหน่ำยิงเข้าใบหน้าและร่างกายจนกระสุนหมด และใช้เชือกมัดข้อเท้าผูกติดกับกันชนท้ายรถกระบะลากไปรอบหมู่บ้าน และมาจอดทิ้งไว้หน้าวัดแล้วบรรจุกระสุนอีก 1 ชุด ยิงซ้ำแล้วรอมอบตัว ทั้งนี้ ตำรวจจะได้ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
http://www.thairath.co.th/content/region/198007