เปิดตัว "ออร์จีไนท์" ลีลาร่วมรักพิสดารยอดฮิตของชายไม้ป่าเดียวกัน ปิดไฟเล่นเซ็กซ์หมู่ แฉสปา-เซาน่าเกย์บานฉ่ำ เกลื่อนทุกถนน เอ็นจีโอหนุนรัฐทำโครงการ "ถุงยางแห่งชาติ" แจกปลอกฟรีทั้งชายจริง ชายเทียม หญิงแท้และพวกฉิ่งฉับ ขณะที่สาธารณสุขเผยตัวเลขคนไทยติดเอดส์รายใหม่วันละ 32 คนด้านรัฐมนตรีแนะทำถุงยางเป็นสีตามไซส์เจ้าโลก
ที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ เมื่อวันที่ 25 พ.ย. มหาวิทยาลัย มหิดลร่วมกับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มูลนิธิสร้างความเข้าใจเรื่องสุขภาพผู้หญิง สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และเครือข่ายภาคี จัดประชุมประจำปีเพศวิถีศึกษาในสังคมไทย ครั้งที่ 2 โดยนายนฤพนธ์ ด้วงวิเศษ นักวิจัยศูนย์มานุษวิทยาสิรินธร กล่าวถึงการศึกษาหัวข้อ "ไม่มั่วแต่ทั่วถึง : เซ็กซ์แฟนตาซีของเกย์ยุค 2000" ว่าเป็นการศึกษาเพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์ เกี่ยวกับเซ็กซ์ในชุมชนเกย์ไทยระหว่างปี 2543-2552 พบว่าชุมชนเกย์ไทยขยายตัวออกไปมาก โดยหลังปี 2540 เป็นต้นมา สถานบริการประเภทนวดและสปาเกย์เป็นทางเลือกใหม่ พื้นที่เกย์ขยายมากขึ้นจากเดิมที่รู้จักกันเพียงผับ เซาน่า คาราโอเกะในย่านสีลม สุขุมวิท สาทร สะพานควาย มีการขยายไปในย่านลำสาลี รามคำแหง รัชดา อ.ต.ก. จตุจักร ฝั่งธนฯ ปิ่นเกล้า รังสิต
นายนฤพนธ์กล่าวอีกว่า จากการเก็บข้อมูลสถานบริการของเกย์ใน กทม.เปรียบเทียบปี 2547 และปี 2552 พบว่าทั้งเซาน่า นวด สปา ดิสโก้เธค บาร์อะโกโก้ ร้านอาหาร ผับ คาราโอเกะ เพิ่มขึ้นร้อยละ 95 โดยเฉพาะนวด สปา เพิ่มมากขึ้นถึงร้อยละ 270 เนื่องจากบริการประเภทนี้คือการให้ผู้ชายหน้าตาดีมาคอยให้บริการบำรุงสุขภาพและความสุขทางเพศ ที่เรียกว่าทั้งนวดและนาบ แต่มีค่าบริการสูง เช่น นวดน้ำมัน ชม.ละ 500 บาท ค่าทิป 1,000 บาท เป็นต้น ส่วนเซาน่าก็เป็นที่นิยมของเกย์ บางแห่งจัดโฟมปาร์ตี้หรือโชว์เซ็กซ์และอวัยวะเพศนายแบบ บางแห่งให้บริการถึง 6 โมงเช้าในวันศุกร์ เสาร์ กิจกรรมที่นิยมอีกคือ "ออร์จีไนท์" ซึ่งลูกค้าที่มาใช้ บริการต้องเปลือยกาย เกย์แต่ละคนมารวมตัวในห้องมืด เพื่อทำกิจกรรมทางเพศ หรือเซ็กซ์หมู่ โดยมีคนคอยมุงดู ถือเป็นฟรีเซ็กซ์ บางทีจะเรียกหยอกล้อกันว่า "วันนี้ ได้หลายไม้" หรือ "เล่นฆ้องวง" จนมีศัพท์เกย์เรียกกันว่า "ไม่มั่วแต่ทั่วถึง" คือมีเซ็กซ์กับคนหลายคนในเวลาเดียวกัน เปลี่ยนคู่ขาไปเรื่อยๆตามโอกาส โดยคนที่หน้าตาดี วัยรุ่น จะสามารถต่อรองว่าจะใช้ถุงยางหรือเสียบสดก็ได้
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข นายมานิต นพอมรบดี รมช.สาธารณสุข แถลงข่าวการจัดงานรณรงค์ป้องกันและแก้ไขปัญหาเอดส์และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เนื่องในวันเอดส์โลก ซึ่งตรงกับวันที่ 1 ธ.ค. ของทุกปีว่า จากรายงานสถานการณ์เอดส์ทั่วโลกในปี 2551 พบอัตราการติดเชื้อเอชไอวีเพิ่มขึ้น โดยมีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์ประมาณ 33 ล้านคน เสียชีวิต 2.1 ล้านคน ในไทยในปี 2552 พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 11,753 ราย เฉลี่ยวันละ 32 คน ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชายและกลุ่มแม่บ้าน ทั้งนี้ ในปีงบประมาณ 2553 สธ.จัดทำแผนบูรณาการเร่งรัดการป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีรายใหม่ โดยใช้มาตรการการสื่อสารสาธารณะ ส่งเสริมการใช้ถุงยางอนามัย 100% โดยสนับสนุนถุงยางอนามัยจำนวน 30 ล้านชิ้น และป้องกันการติดเชื้อในกลุ่มชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย แม่บ้าน วัยรุ่น ผู้ใช้แรงงานและพนักงานบริการ โดยปัจจุบันกรมควบคุมโรคมีการแจกถุงยางอนามัยฟรีให้กับกลุ่มหญิงบริการปีละ 24 ล้านชิ้น ตนเสนอให้ถุงยางอนามัยที่นำไปแจกมีการทำเป็นสีมาตรฐาน เช่น หากเป็นไซส์ 49 มิลลิเมตร (มม.) เป็นสีชมพู ไซส์ 52 มม. เป็นสีม่วงเหมือนกันทั้งหมด เพื่อที่เวลาหยิบไปใช้งานจะได้เกิดความสะดวก คนใช้เคยหยิบสีไหนที่ถูกกับไซส์อวัยวะเพศตนเองก็หยิบสีนั้น เพราะเมื่อถึงเวลาต้องการมีเพศสัมพันธ์ คงจะมานั่งอ่านไซส์อยู่ไม่ทัน
ด้าน น.ส.สุภัทรา นาคะผิว ประธานคณะกรรมการองค์การพัฒนาเอกชนด้านเอดส์ (กพอ.) กล่าวว่า รัฐต้องดำเนินการโครงการถุงยางอนามัยแห่งชาติเป็นมาตรการเร่งด่วน ด้วยการแจกถุงยางอนามัยให้กับประชาชนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่พุ่งเป้าเฉพาะกลุ่มพนักงานบริการเท่านั้น อีกทั้งควรแจกถุงอนามัยสตรี เพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้หญิงที่ต้องการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อเอชไอวีจากคู่สมรส คู่รัก หรือคู่นอน ที่ไม่ยอมใช้ถุงยางอนามัย รวมถึงแจกเจลหล่อลื่นให้กับกลุ่มชายรักชาย และแผ่นเลียให้กับกลุ่มหญิงรักหญิง นอกจากนี้ หน่วยงานภาครัฐควรยกเลิกระเบียบไม่รับคนติดเชื้อเอชไอวีเข้าทำงาน และควรเปิดฮอตไลน์สายด่วน ให้คำปรึกษาด้านเอดส์กับประชาชน เหมือนการรณรงค์การใช้หน้ากากอนามัยป้องกันไข้หวัด 2009