• หัวอกแม่**เลี้ยงลูกพิการหัวโตนานกว่า16ปี ลั่นขอดูแลจนกว่าจะตาย |
โพสต์โดย กรรมกรข่าว , วันที่ 10 ส.ค. 53 เวลา 16:25:04 IP: Hide ip |
กด like เพื่อติดตามข่าวสารดีๆ จาก cmprice.com VVVVVV
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
© เนื้อหาข่าว/กระทู้
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์มติชนรายวัน ประจำจังหวัด นครราชสีมา รายงานเมื่อวันที่ 10 ส.ค. ว่า ภายในบ้านพักเลขที่ 83 บ้านหนองไทร หมู่ที่ 5 ต.ไชยมงคล อ.เมือง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นบ้านพักของครอบครัว "ประเสริฐศรี" โดยพบว่า น้องปูเป้ หรือ นายนพดล ประเสริฐศรี อายุ 16 ปี เกิดมาพร้อมกับความพิการทางด้านร่างกาย ซึ่งมีศีรษะโตกว่าคนทั่วไป ที่มีต้นเหตุมาจากการสำลักน้ำคลั่งขณะคลอดและเข้าไปคลั่งอยู่ในศีรษะจนทำให้ศีรษะโตกว่าคนปกติทั่วไป นอกจากนี้ด้วยสาเหตุดังกล่าวยังมีผลทางสมองส่งผลต่อการเจริญเติบโตของเซลในสมองทำให้มีผลต่อการรับรับรู้ที่ช้ากว่าคนปกติทั่วไป อีกทั้งด้วยศีรษะที่มีน้ำหนักกว่า 10 กิโลกรัม ยังทำให้มีผลต่อร่างกายไม่สามารถเดินเหินหรือเคลื่อนไหวช่วยเหลือตัวเองได้ และมีอาการปวดศีรษะอย่างรุนแรงเป็นระยะๆและมักจะทุบตีทำร้ายตัวเอง จนต้องกินยาระงับประสาทเป็นประจำทุกวัน ภาระทั้งหมดจึงตกอยู่ที่นางสมมาท ประเสริฐศรี อายุ 38 ปี ผู้เป็นมารดา ที่ต้องเผ้าเลี้ยงดูลูกผู้พิการแต่เพียงลำพัง เนื่องจากนายดำ ประเสริฐศรี สามีคู่ชีวิต จำเป็นที่จะต้องออกตระเวนขายของเล่นตามตลาดนัดทั้งในจังหวัดและต่างจังหวัดเพื่อนำเงินมาจุนเจือครอบครัวจนแทบจะไม่มีเวลาอยู่บ้านใช้ชีวิตร่วมกับครอบครัว
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ตลอดระยะเวลากว่า 16 ปี นอกจากนางสมมาท จะต้องดูแลรับผิดชอบในการปฏิบัติกิจวัตรประจำตัวของน้องปูเป้ บุตรชายคนโต เนื่องจากบุตรชายไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ เริ่มตั้งแต่อาบน้ำ แปรงฟัน และป้อนข้าวป้อนน้ำ ยังต้องออกตระเวนรับซื้อดอกไม้เพื่อนำไปวางจำหน่ายที่สามแยกปักธงชัย ภายในตัวอำเภอเมือง จ.นครราชสีมา เป็นประจำทุกวัน เพื่อนำรายได้มาจุนเจือครอบครัวช่วยเหลือสามีที่ทำงานอย่างหนักอีกทางหนึ่ง เพื่อพอให้มีเงินเป็นค่าเลี้ยงดูบุตรชายผู้พิการ และใช้เป็นค่ารักษารวมถึงเป็นทุนการศึกษาให้แก่บุตรสาวคนเล็กอายุ 5 ขวบ ที่กำลังเข้าสู่วัยเรียน ที่มีโรคน้ำเหลืองผิดปกติ และโรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัว ทำให้สภาพคล่องของครอบครัวไม่สู้ดีนัก แต่ก็ถือว่ายังเป็นเคราะห์ดีที่ยังมีเงินช่วยเหลือผู้พิการจากองค์การบริหารส่วนตำบลไชยมงคล ที่มอบให้กับน้องปูเป้ เดือนละ 500 บาท มาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้านบรรเทาความเดือดร้อนไปได้ส่วนหนึ่ง
และถึงแม้ว่า ชีวิตของนางสมมาทฯจะยากลำบากและไม่ราบรื่นเหมือนเช่นครอบครัวอื่นๆ แต่นางสมมาทฯ ก็ยังภูมิใจและยืนยันที่จะยืนหยัดต่อสู้ชีวิตทำมาหากินด้วยตนเอง เพื่อดูแลลูกๆทั้ง 2 คนให้ตลอดรอดฝั่ง โดยยืนยันที่จะขอเลี้ยงน้องปูเป้อย่างดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะสามารถทำได้ จนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง
ทั้งนี้ นางสมมาท เปิดใจว่า เป็นเรื่องที่สุดแสนจะทรมานใจอย่างมากที่ต้องเห็นบุตรชายคนแรกของตนเองมีสภาพพิการอย่างที่เป็นอยู่ และถึงแม้ว่าจะเคยมีความคิดที่จะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ด้วยการฆ่าตัวตายหนีปัญหา แต่เมื่อมองเห็นบุตรชายที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองทนทุกข์ทนทรมานจากการพิการ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ก็รู้สึกเวทนาและเป็นห่วงว่า หากสิ้นตัวเองแล้วบุตรชายจะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ในเมื่อตนเองเป็นผู้ให้กำเนิดได้ชื่อว่าเป็นแม่ ก็ต้องเป็นผู้ดูแลเลี้ยงดูบุตร แม้ว่าจะยากลำบากขนาดไหนก็ต้องทนรับและต้องเลี้ยงดูอย่างดีที่สุด จึงกัดฟันสู้ทนเลี้ยงดูบุตรชายคนนี้มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่ได้ตอบแทนมาและเป็นกำลังใจให้สามารถสู้ชีวิตอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็ด้วยความรักความผูกพันที่บุตรชายของตนเองมีให้ ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถเปล่งออกมาเป็นเสียงให้ได้ยิน แต่พฤติกรรมที่แสดงออกมากให้ได้เห็นก็สามารถสื่อสารแทนใจให้ได้รับรู้และเป็นกำลังใจให้สู้ชีวิตต่อไปได้ และสิ่งที่สำคัญอีกประการที่ทำให้ตัวเองมีกำลังใจเดินหน้าอยู่ได้ทุกวันนี้ ก็ด้วยความจริงอีกข้อที่ตระหนักอยู่เสมอ คือ "ยังมีคนที่ลำบากกว่าเราอยู่ในโลกนี้และกำลังสู้ชีวิตของเราอีกมากมาย" นางสมมาทฯ กล่าว
นางสมมาทฯ กล่าวอีกว่า อนาคตต่อจากนี้ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ครอบครัวจะลำบากสักเพียงไหน ตนเองจะไม่มีวันทิ้งบุตรชายคนนี้เพื่อหนีเอาชีวิตรอด และจะขอดูแลไปจนกว่าจะตายจากกันไปข้างหนึ่ง แต่สิ่งที่เป็นห่วงมากที่สุดก็คือ หากตัวเองต้องลาโลกไปก่อนลูกชายแล้ว ชีวิตต่อไปข้างหน้าของลูกชายคนนี้จะอยู่ต่อไปได้อย่างไร ดังนั้นหากเป็นไปได้ตัวเองอยากจะเป็นดูแลบุตรชายคนนี้ไปจนกว่าน้องปูเป้จะหมดกรรม....
ความรักของนางสมมาทฯ ที่มีต่อบุตรชายผู้พิการซึ่งต้องแบกรับภาระอย่างแสนสาหัสนั้น เป็นที่รู้กันดีของเพื่อนบ้านใกล้เคียงและชาวบ้านทั่วไปในแถบนี้ รวมถึงนายหมัด พึ่งพวก เพื่อนบ้านที่ได้เห็นความทุกข์ยากและช่วยเหลือจุนเจือครอบครัวนี้มาโดยตลอด โดยนายหมัดฯ กล่าวว่า รู้สึกทึ่งที่ได้เห็นความรักที่นางสมมาทฯมีต่อน้องปูเป้ ที่ทำทุกอย่างเพื่อดูแลน้องปูเป้อย่างดีที่สุด โดยไม่เคยปริปากบ่น หรือมีความคิดที่จะทิ้งให้น้องปูเป้ไปอยู่กับคนอื่น ถึงแม้ว่าจะมีหน่วยงานสถานสงเคราะห์อาสาที่จะนำไปเลี้ยงดูให้ ยอมลำบากตัวเองและครอบครัวเพียงเพื่อขอให้ได้อยู่ใกล้ลูกชาย และได้แสดงความรักความห่วงใยส่งถึงกัน ซึ่งนับว่านางสมมาทฯ คือหญิงผู้เป็นแบบอย่างให้แก่แม่ทุกคนในโลกนี้ได้อย่างไม่มีข้อสงสัย นายหมัดฯ กล่าว
แม้ว่าวันนี้น้องปูเป้ จะได้รับการช่วยเหลือจากหน่วยงานต่างๆที่ยื่นมือมาบรรเทาความเดือดร้อนและภาระของครอบครัว ประเสริฐศรี อย่างเช่นการให้บริการรักษาฟรีแก้น้องปูเป้ในทุกกรณี แต่สิ่งที่ครอบครัวนี้ต้องการคืออยากที่จะมีที่พักอาศัยที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ โดยขอเพียงแค่มีหลังคาที่กันแดนกันฝน ฝาพนังที่มีความแข็งแรงมากกว่าที่เป็นอยู่เท่านั้น
สำหรับผู้ใจบุญ ที่ประสงค์จะให้ความช่วยเหลือน้องปูเป้ หรือ นายนพดล ประเสริฐศรี สามารถช่วยเหลือโดยการโอนเงินผ่าน
บัญชีธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ ชื่อบัญชี เพื่อนายนพดล ประเสริฐศรี เลขที่บัญชี 021-2-94521-7 หรือ
ที่บัญชีธนาคารออมสิน ชื่อบัญชีนางสมมาท ประเสริฐศรี เลขที่บัญชี 06-4304-20-119562-5 หรือติดต่อโดยตรงที่นางสมมาท ประเสริฐศรี ตามหมายเลขโทรศัพท์ 081-2034349 begin_of_the_skype_highlighting 081-2034349 end_of_the_skype_highlighting
ข่าวจาก http://news.hunsa.com/detail.php?id=23991
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
ลิงก์ผู้สนับสนุน
|
|
|
|
แจ้งลบกระทู้นี้
อ่าน 1520 |
|
แสดงความคิดเห็น |
โดย กรรมกรข่าว
IP: Hide ip
, วันที่ 10 ส.ค. 53
เวลา 16:25:04
|